การประเมินความคุ้มค่าจากการลงทุนจะเห็นประโยชน์ในเชิงปริมาณได้อย่างชัดเจนเมื่อเราได้นำกระบวนการ Transformation ไปใช้งานได้ถึงในระดับ 2. การสร้างกระบวนการใช้งานข้อมูลบนกิจกรรมทางธุรกิจ หรือ 3. การเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความได้เปรียบ ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องผ่านการพัฒนากระบวนการที่ 1. สร้างกระบวนการเก็บข้อมูลแบบดิจิตอลให้แล้วเสร็จ โดยบทความนี้จะนำเสนอวิธีการประเมินความคุ้มค่ารวมถึงการยกตัวอย่างเครื่องมือที่เหมาะสมในการนำข้อมูลมาพิจารณา
*หมายเหตุ นี่เป็นเพียงตัวอย่างประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการการเปลี่ยนแปลงไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ทั่วไป ทั้งนี้ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจริงขึ้นอยู่กับรูปแบบองค์กรและขอบเขตการพัฒนาของท่านซึ่งอาจมีประโยชน์มากกว่าหรือน้องกว่าแตกต่างกันไป
1. ประเมินประโยชน์
1.1. เพิ่มประสิทธิภาพ/ประสิทธิผล
1.1.1. การเพิ่มผลผลิตโดยเพิ่มขีดความสามรถในการจัดการทรัพยากรในการทำงาน, ป้องกันปัญหา, การเร่งกระบวนการผลิต และอื่นๆ โดยการนำข้อมูลที่เกิดขึ้นในแต่ละกิจกรรมมาวิเคราะห์เพื่อทราบถึงสถานะการณ์ปัจจุบันที่องค์กรดำเนินการ จนถึงการนำข้อมูลมาพยากรณ์/ทำนายเพื่อหาแนวทางในการตัดสินใจปรับปรุงและเพิ่มผลผลิตบนพื้นฐานของข้อมูล
1.1.2. ปรับปรุงคุณภาพโดยการเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจสอบติดตามคุณภาพสินค้าแยกตามขั้นตอนการผลิตทำให้สามารถทราบถึงจุดอ่อน/แข็งของสายการผลิตในด้านคุณภาพเพื่อหาแนวทางการปรับปรุงหรือการทำตรวจสอบย้อนกลับ (traceability) ที่มีความจำเป็นมากในอุตสาหกรรมอาหาร หรือ เป็นส่วนสำคัญในกิจกรรมการกำกับดูแลและการตรวจสอบขององค์กรที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐาน
1.1.3. ประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร (OEE) คือการคำนวณความสามารถในการทำงานของเครื่องจักร โดยอ้างอิงจากปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและสรุปออกมาในรูปแบบเปอเซ็น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงสู่อุตสาหกรรม 4.0 สร้างความสามารถในการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากเครื่องจักรเพื่อคำนวณค่า OEE หรือเพิ่มขีดความสามารถในการพิจารณารายละเอียดได้มากขึ้นเพื่อให้สามารถใช้ในการวางแผนการผลิตให้ดึงประสิทธิภาพเครื่องจักรได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
โดยการคำนวณ OEE จะหาสัดส่วนเฉลี่ยขององค์ประกอบ 3 ด้านจากเครื่องจักร คืออัตราการเดินเครื่องจักร (Availability)ประสิทธิภาพของเครื่องจักร (Performance Efficiency)อัตราคุณภาพ (Quality Rate)OEE = Availability x Performance Efficiency x Quality Rate |
1.1.4. ความยืดหยุ่นและคล่องตัวขององค์กรเนื่องจากปัจจุบันตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา ซึ่งผู้ผลิตต้องแข่งขันเพื่อตอบสนองความเหล่านั้น ขีดความสามารถในการเปลี่ยนแปลงที่ยืดหยุ่นและการบริการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพจึงมีความสำคัญ ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมาสามารถเพิ่มขีดความสามารถ เช่น ติดตามกระแสปริมาณการซื้อที่เพิ่มขึ้นเพื่อวางแผนการผลิต การตรวจสอบเปรียบเทียบข้อมูลความต้องการสินค้าและราคาในตลาด การรวมใบสั่งงานที่ใช้วัสดุเดียวกันเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรอง และนำเสนอมุมมองธุรกิจด้านต่างๆแบบเรียลไทม์จะช่วยเพิ่มผลกำไรและความได้เปรียบในตลาด
1.1.5. การตอบสนองความต้องการของลูกค้า จากรูปแบบการซื้อขายที่เปลี่ยนไปผู้ผลิตสินค้าสามารถจำหน่ายสินค้าตรงไปยังผู้บริโภค ซึ่งทำให้เกิดความใกล้ชิดกับผู้ใช้งานสินค้ามากยิ่งขึ้นและสามารถรวบรวมข้อมูลการใช้งานและความต้องการของผู้บริโภคมาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ บริการหรือสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย
1.2. ลดกระบวนการ/ต้นทุน
1.2.1. ต้นทุนบุคลากร โดยการใช้เทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหรือลดงานที่ไม่คุ้มค่าหากจัดทำโดยมนุษย์ เช่น การจัดทำรายงานย้อนหลัง 5 ปีถึงความสอดคล้องระหว่างผลผลิต กำลังการทางผลิตและความต้องการของตลาด หรือ ต้องการเปรียบเทียบการสั่งซื้อวัตถุดิบจากคู่ค้าเพื่อวางแผนกการต่อรองและจัดซื้อ ในกรณีนี้หากเป็นระบบ Manual แบบเก่าอาจต้องการรวบรวมข้อมูลจากหลายส่วนงาน ใช้เวลานานในการรวบรวมและตรวจสอบ รวมถึงอาจพบว่าข้อมูลมีความผิดพลาด/ไม่สมบูรณ์ทำให้ข้อมูลประกอบรายงานไม่น่าเชื่อถือและใช้ต้นทุนแรงงานจำนวนมากในการสร้างขึ้น หากทำโดยเทคโนโลยีตามแนวคิดอุตสาหกรรม 4.0 สามารถเรียกใช้งานผ่านระบบ Business Intelligence (BI) เพื่อดูรายงานได้แบบ Real time บนข้อมูลที่ระบบได้ผ่านการเก็บบันทึกแบบอัตโนมัติไว้แล้ว
1.2.2. ต้นทุนค่าวัสดุสิ้นเปลืองและดูแลเครื่องจักร การเก็บข้อมูลการใช้งานวัสดุและเครื่องจักรประกอบการผลิตเพื่อวิเคราะห์แนวทางการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงการวางแผนบำรุงรักษาเชิงป้องกัน เนื่องจากในหลายอุตสาหกรรมต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำกับดูแลให้เกิดความเหมาะสมซึ่งหากการบำรุงเครื่องจักรและเปลี่ยนวัสดุสิ้นเปลืองน้อยเกินไปอาจเกิดความเสียหายต่อเครื่องจักรและส่งผลกระทบต่อแผนการผลิต หรือหากมากเกินไปทำให้ต้นทุนที่สูงเกินจำเป็น ซึ่งสามารถเทคโนโลยีจะมีบทบาทในการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญให้สามารถตัดสินในได้แม่นยำมากขึ้นและภายใต้แผนการที่เหมาสม
1.2.3. ความผิดพลาดและความเสี่ยง การกระบวนการเพื่อเก็บข้อมูลประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร (OEE) และกระบวนการต้นทุนค่าวัสดุสิ้นเปลืองและดูแลเครื่องจักรทำให้เราสามารถมองเห็นถึงความผิดพลาดและความเสียงที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อวางแผนและแนวทางการป้องกันส่งเหล่านี้ แต่หากเราสามารถเพิ่มมุมมองเรื่องการจัดเก็บและบันทึกรายละเอียดความผิดพลาด ก็สามารถนำมาวิเคราะห์ร่วมกันเพื่อวางแผนการจัดการความผิดพลาดและความเสี่ยงในระยะสั้นจนถึงระยะยาวได้ เช่น ในกรณีมีการเก็บข้อมูลการหยุดฉะงักของการผลิตแต่มีการเก็บรายละเอียดของปัญหาและแนวทางการแก้ไขที่ฉัดเจน ซึ่งนำไปสู่การพิจารณาการซื้อเครื่องจักรโดยชี้ไปยังเครื่องจักรเหมาะสมและสามารถเปรียบความคุ้มค่าจากความเสียหาย ต้นทุนการแก้ปัญหา และต้นทุนการซื้อเครื่องจักรใหม่ได้เป็นต้น
1.2.4. ความซ้ำซ้อนในการทำงาน การพัฒนาโดยการนำเทคโนโลยีมาต่อเชื่อมกระบวนการทำงานต่างๆ สามารถลดความซ้ำซ้อนของกิจกรรมการทำงานได้อย่างชัดเจน อย่างเช่นในกรณีการได้รับคำสั่งซื้อ อาจต้องมีการตรวจสอบกับฝ่ายคลังสินค้า ฝ่ายวางแผนการผลิต ฝ่ายการผลิต และฝ่ายการจัดส่งสินค้า ซึ่งข้อมูลอาจมีการคลาดเคลื่อนหรือผิดพลาดได้ แต่หากระบบสามารถเชื่อมต่อระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกันให้ผู้ดำเนินการสามารถเห็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการทำงานของตนเองได้อัตโนมัติความซ้ำซ้อนก็จะหมดไป
2. ประเมินต้นทุน
สามารถประเมินได้โดยการรวมต้นทุนค่าใช้จ่ายเพื่อที่จะได้มาซึ่งการเปลี่ยนแปลง ไปยังอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งโดยปกติจะมีองค์ประกอบดังนี้
2.1. Hardware กลุ่มวัสดุ/อุปกรณ์ทางกายภาพต่างๆ เช่น เครื่องจักร, เครื่องคอมพิวเตอร์, เซ็นเซอร์, อุปกรณ์ IoT ขึ้นอยู่กับรูปแบบระบบที่เราต้องการนำมาใช้งานในองค์กร
2.2. Software/Tools กลุ่มระบบอละเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างกระบวนการทางดิจิตอลในการเก็บข้อมูล ประมวลผล และแสดงผลข้อมูลเพื่อใช้ประกอบ เช่น โปรแกรมควบคุมอุปกรณ์ IoT, ระบบจัดเก็บข้อมูล (ETL), ระบบบันทึกและจัดการข้อมูล (Data warehouse), ซอฟต์แวร์วิเคราะห์และแสดงผลข้อมูล (Business Intelligence) และระบบอื่นๆ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และความต้องการขององค์กร
ปัจจุบันมีผู้ให้บริการ Cloud ที่สามารถส่งมอบบริการและการใช้งานในลักษณะ Software as a Service (SaaS) ที่สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วน Hardware และ Software ลงเนื่องจากไม่ต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่หรือเครื่องมือสำหรับติดตั้งใช้งานและไม่จำเป็นต้องติดตั้ง Software บนเครื่องดังกล่าว เราเพียงแค่ซื้อบริการการใช้งานบนนระบบของผู้ให้บริการผ่าน Internet ซึ่งผู้ให้บริการจะคิดค่าใช้จ่ายตามปริมาณที่ใช้งานจริงซึ่งมีราคาที่ต่ำกว่ามากสำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงมีความหยืดหยุ่นในการลดเพิ่มปริมาณการใช้งานตามความเหมาะสม
2.3. Implementation/Operation การพัฒนาและประยุกต์เทคโนโลยีมาใช้งานในองค์กรเป็นสิ่งหนึ่งที่หลายองค์กรติดปัญหาในการเลือกพัฒนาระบบด้วยตนเองหรือจ้างผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกมากช่วยพัฒนา ซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกและวิธีการคิดต้นทุนที่แตกต่างกัน ดังนี้
2.3.1. In House Development
ข้อดี | ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมมีความเข้าใจในธุรกิจและความต้องการสามารถดูแลต่อด้วยตนเองได้ |
ข้อเสีย | มีข้อจำกัดเรื่องขอบเขตการพัฒนาตามจำนวนคนขององค์กรต้องให้เวลาในการพัฒนาทักษะศึกษาการใช้เครื่องมือต้องพัฒนาประสบการณ์ใหม่ |
ต้นทุน | ต้นทุนเวลาของบุคลากรที่ร่วมทีมพัฒนาแต่สามารถคิดเป็นจำนวนเงินได้โดยเวลาดำเนินโครงการคูณอัตราเงินเดือนต้นทุนด้านเวลาดำเนินโครงการ |
2.3.1. Outsource
ข้อดี | มีความเชี่ยวชาญและประสบกาณ์ในเทคโนโลยีลดเวลาการพัฒนาไม่มีข้อกำจัดเรื่องทรัพยากรกระทบฝ่ายปฏิบัติงานปกติขององค์กรน้อย |
ข้อเสีย | เสียค่าใช้จ่ายภายนอกต้องถ่ายองค์ความต้องการและปรับความเข้าใจในธรกิจองค์กรอาจไม่สามารถเรียนรู้เพื่อดูแลต่อได้ |
ต้นทุน | ค่าจ้างพัฒนาต้นทุนด้านเวลาดำเนินโครงการ |
3. การประเมินความคุ้มค่า
3.1. การประเมินประโยชน์ที่จะได้รับ สามารถทำได้ 2 รูปแบบ
3.1.1. การประเมินโดยสร้างเกณฑ์ประโยชน์กับความเร่งด่วนตามปัจจัยในหัวข้อที่ 1 โดยแบ่งเป็นระดับสูงกลางต่ำและทำการประเมินลักษณะของปัจจัยของประโยชน์ต่างตกอยู่ในระดับใดบ้าง มีข้อดีคือสามารถจัดทำได้อย่างรวดเร็วและสามารถเห็นกรอบความต้องการขององค์กรในภาพรวมเพื่อกำหนดขอบเขตและวัตถุประสงค์ในการพัฒนาระบบ
ประโยชน์ | ความเร่งด่วน | |
เพิ่มประสิทธิภาพ/ประสิทธิผล | ||
เพิ่มผลผลิต | กลาง | สูง |
ปรับปรุงคุณภาพ | สูง | สูง |
ประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร (OEE) | กลาง | กลาง |
ความยืดหยุ่นและคล่องตัว | กลาง | ต่ำ |
การตอบสนองความต้องการของลูกค้า | ต่ำ | ต่ำ |
ลดกระบวนการ/ต้นทุน | ||
ต้นทุนบุคลากร | สูง | ต่ำ |
ต้นทุนค่าวัสดุสิ้นเปลืองและดูแลเครื่องจักร | กลาง | สูง |
ความผิดพลาดและความเสี่ยง | สูง | สูง |
ความซ้ำซ้อนในการทำงาน | ต่ำ | กลาง |
3.1.2. ประเมินเป็นในรูปแบบเชิงปริมาณโดยกำหนดสัดส่วนหรือมูลค่าตามปัจจัยโดยคาดการณ์ประสิทธิภาพที่จะเพิ่มขึ้นขั้นต่ำหลังการพัฒนา มีข้อดีในเรื่องเห็นข้อมูลเชิงปริมาณที่ชัดเจนแต่มีความยากในการรวบรวมและพิจารณาข้อมูล
ค่าเฉลี่ยปัจจุบัน | เป้าหมาย | |
เพิ่มประสิทธิภาพ/ประสิทธิผล | ||
เพิ่มผลผลิต | 100% | +3% |
ปรับปรุงคุณภาพ | 70% | +10% |
ประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร (OEE) | 85% | +5% |
ความยืดหยุ่นและคล่องตัว | 50% | +30% |
การตอบสนองความต้องการของลูกค้า | 30% | +50% |
ลดกระบวนการ/ต้นทุน | ||
ต้นทุนบุคลากร | 100% | -60% |
ต้นทุนค่าวัสดุสิ้นเปลืองและดูแลเครื่องจักร | 100% | 15% |
ความผิดพลาดและความเสี่ยง | 10% | -5% |
ความซ้ำซ้อนในการทำงาน | 100% | -5% |
ในกรณีต้องการประเมินเป็นตัวเงินต้องทำการประเมินเป็นลักษณะเชิงปริมาณเท่านั้นและนำเปอร์เซ็นต์ไปคูณกับต้นทุนในหัวข้อนั้นๆ ซึ่งอาจทำให้การได้มาซึ่งข้อมูลซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เช่น ต้นทุนบุคลากรสามารถคิดจากเงินเดือนคนในกิจกรรมนั้นโดยคิดเป็นรายชั่วโมงที่ใช้ทั้งคือมูลค่าปัจจุบันและลบหลังพัฒนาออกไป 60% จะได้ยอดค่าใช้จ่ายที่ลดลง
3.2. การประเมินต้นทุน อ้างอิงเป็นจำนวนมูลค่าเงินที่ใช้ในส่วนต่างๆ
3.2.1. แบบภาพรวม
2.1. Hardware | ||
เซ็นเซอร์ | 10 | X0,000 |
เครื่องคอมพิวเตอร์ | 1 | X0,000 |
อุปกรณ์ IoT | 10 | X0,000 |
2.2. Software/Tools | ||
2.3. Implementation/Operation | ||
3.2.2. แบบแยกส่วนการลงทุนตามด้านที่ต้องการปรับปรุง
การเพิ่มผลผลิต | ||
2.1. Hardware | ||
2.2. Software/Tools | ||
2.3. Implementation/Operation | ||
การลดต้นทุนบุคลากร | ||
2.1. Hardware | ||
2.2. Software/Tools | ||
2.3. Implementation/Operation | ||
ด้านอื่นๆ |
3.3. การเปรียบเทียบ
จากวิธีการดังกล่าวเราสามารถทำการเปรียบเทียบประโยชน์ต่อค่าใช้จ่ายเพื่อนำมาพิจารณาถึงความคุ้มค่าเหมาะสมหรือเลือกทำเพียงบางส่วนตามความจำเป็น เช่น
ประโยชน์ | ความเร่งด่วน | ยอดลงทุน | |
เพิ่มประสิทธิภาพ/ประสิทธิผล | |||
เพิ่มผลผลิต | กลาง | สูง | X0,000 |
ปรับปรุงคุณภาพ | สูง | สูง | X0,000 |
ประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร (OEE) | กลาง | กลาง | X0,000 |
ความยืดหยุ่นและคล่องตัว | กลาง | ต่ำ | X0,000 |
การตอบสนองความต้องการของลูกค้า | ต่ำ | ต่ำ | X0,000 |
ลดกระบวนการ/ต้นทุน | |||
ต้นทุนบุคลากร | สูง | ต่ำ | X0,000 |
ต้นทุนค่าวัสดุสิ้นเปลืองและดูแลเครื่องจักร | กลาง | สูง | X0,000 |
ความผิดพลาดและความเสี่ยง | สูง | สูง | X0,000 |
ความซ้ำซ้อนในการทำงาน | ต่ำ | กลาง | X0,000 |
นี่เป็นเพียงแนวทางการประเมินความคุ้มค่าจากการลงทุนซึ่งแต่องค์กรแต่ละองค์กรต้องเป็นผู้กำหนดเกณฑ์ที่เหมาะสมของตนเองและสามารถเพิ่มเติมปัจจัยอื่นๆ ที่เหมาะสมประกอบการวิเคราะห์คุณค่าหรือประโยชน์ต่อการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้งาน
หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับปรุงแพลตฟอร์มตามแนวคิด Industry 4.0 หรืออยากเห็นตัวอย่างการใช้งานเทคโนโลยีในด้านต่างๆ โปรดติดต่อ BizOne เพื่อรับคำปรึกษาฟรี!